นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีที่การนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดส จาก บ.แอสตรา เซนเนกา มีความไม่ยุติธรรมกับโรงพยาบาลเอกชนเพราะมีจำนวนน้อยเกินไป และผู้ที่ได้รับวัคซีนอยู่ในวงจำกัด รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชน ที่สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทอื่น ยังไม่สามารถนำเข้าวัคซีนได้ เพราะองค์การอาหารและยา (อย.) ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ ถือเป็นความเสี่ยงในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
เรื่องนี้ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่าการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ล่าช้า แต่ยึดหลักความปลอดภัย คุณภาพมาตรฐาน โดยเอกสารต้องครบถ้วน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน ซึ่งทาง อย. ได้อำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 อย่างเต็มที่ โดยระดมผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกมาร่วมพิจารณาเพื่อให้สามารถอนุมัติวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด ไม่สามารถผ่อนคลายกฎเกณฑ์หรือลดหย่อนการกำกับดูแล เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตราเซนเนกา อย. ได้รับเอกสารการขอขึ้นทะเบียน ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 และได้จัดส่งเอกสารให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 รวมเวลาการพิจารณาประมาณ 1 เดือน ซึ่งวัคซีนที่ อย. รับขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ที่จะต้องมีระบบการกำกับติดตาม เฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้มายื่นขออนุมัติวัคซีนโควิด-19 จาก อย. จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท แอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไซโนแวค ไบโอเทค จำกัด โดยมีองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้มายื่นขอ ซึ่ง อย. รอเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ยืนยันว่าไม่ปิดกั้นบริษัทใดมายื่นขออนุญาตและพร้อมให้คำปรึกษาหรือตอบข้อสงสัย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตอย่างเต็มที่
ด้านองค์การเภสัชกรรม ได้ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดส จากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน (Sinovac Biotech Limited, People’s Republic of China) ขณะนี้ได้แจ้งยื่นขออนุญาตขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว อยู่ระหว่างการประสานรวบรวมข้อมูลประกอบการยื่นขอขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม โดยองค์การเภสัชกรรมจะทำหน้าที่จัดซื้อตามจำนวนที่กรมควบคุมโรคแจ้งความต้องการมา เพื่อนำไปฉีดตามแผนการจัดสรรของประเทศ ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและแข่งกับเวลา ภายใต้สถานการณ์ของความต้องการใช้ทั่วโลก อีกทั้งวัคซีนที่มีอยู่เพิ่งเสร็จจากงานวิจัยเข้าสู่กระบวนการผลิตของแต่ละบริษัท และทั่วโลกมีความต้องการใช้สูง ขณะนี้ทราบว่ามีบริษัทเอกชนรายอื่นได้ขอขึ้นทะเบียนวัคซีนจากผู้ผลิตประเทศจีนด้วยเช่นกัน
