กรณีชาวสุราษฎร์ธานีร้องเรียนให้หยุดโครงการสร้างฝายทดน้ำกั้นคลองพุมดวง โดยระบุโครงการดังกล่าวมีช่องโหว่ในหลายด้าน อาทิ ขณะอนุมัติโครงการ ไม่ปรากฏแบบแปลนว่า มีการสร้างกั้นแม่น้ำ การศึกษาผลกระทบยังไม่รอบด้าน ขาดการทำประชาพิจารณ์ที่ครอบคลุมประชาชนผู้มีส่วนได้เสียที่แท้จริงนั้น
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงว่า ในสภาพปัจจุบันมีการใช้ที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม บริเวณต้นน้ำถูกใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่เกษตรกรรมมากขึ้น ด้วยสภาพของภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับระดับน้ำในคลองมีปริมาณน้อยลง ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่เพียงพอใช้ตลอดทั้งปี กรมชลประทาน จึงได้วางแผนงานโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำกั้นคลองพุมดวง บริเวณสถานีสูบน้ำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
กรมชลประทาน ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาฯ เพื่อศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งจากผลการศึกษาเห็นควรให้พัฒนาอาคารทดน้ำในรูปแบบฝายพับได้ ซึ่งจะสามารถเก็บกักน้ำได้ 6.60 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้งและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำบริเวณด้านเหนือน้ำได้ด้วย ส่วนในช่วงฤดูน้ำหลากจะพับตัวลงขนานกับลำน้ำ ซึ่งจะไม่กีดขวางลำน้ำเหมือนกับฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก นอกจากนี้จะช่วยให้ปริมาณการระบายน้ำด้านท้ายน้ำมีความสม่ำเสมอในช่วงฤดูแล้ง ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ การสร้างฝายในลักษณะนี้จะทำให้น้ำสามารถไหลล้นไปด้านท้ายน้ำได้ไม่ต่างจากสภาพปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่การก่อสร้างในลักษณะของเขื่อนแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำกั้นคลองพุมดวง ไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน รวมถึงการทำประชาพิจารณ์นั้น ข้อเท็จจริงคือ เนื่องจากคลองพุมดวงไม่ได้เป็นแม่น้ำสายหลัก จึงไม่เข้าข่ายตามประเภทโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่กรมชลประทานได้เล็งเห็นถึงความสำคัญถึงวิถีชีวิตของประชาชนที่ใช้ทรัพยากรสองฝั่งคลองในการประกอบอาชีพ จึงได้ดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการศึกษาความเหมาะสม หากผ่านขั้นตอนการศึกษาแล้ว จะดำเนินการด้านการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ และลงพื้นที่เพื่อทำประชาพิจารณ์ร่วมกับประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ต่อไป
นายสัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า อาคารทดน้ำแบบฝายพับได้นี้ มีการคำนวณสมดุลน้ำอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ด้านท้ายน้ำไว้ ซึ่งไม่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การศึกษาสมดุลน้ำ ได้ปล่อยน้ำให้ล้นผ่านสันฝายสู่ด้านท้ายน้ำ เพื่อรักษาระบบนิเวศด้านท้ายน้ำ เช่น การป้องกันการรุกล้ำน้ำเค็ม การประปาภูมิภาค การประปาของท้องถิ่น รวมทั้งความต้องการน้ำเพื่อรักษาคุณภาพน้ำของการประมงด้วย โดยจะไม่ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศในลำน้ำอย่างแน่นอน ขอยืนยันว่าการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำทุกโครงการ จะยึดประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน ในฐานะที่กรมชลประทานเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการพัฒนาแหล่งน้ำ และเพิ่มพื้นที่ชลประทานตามศักยภาพลักษณะลุ่มน้ำ เสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ