ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อเวลา 21.46 น. ของวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.1 ตามมาตราริกเตอร์ ความลึก 6 กิโลเมตร นั้น
กรมชลประทาน โดยส่วนวิศวกรรมธรณี สำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา ได้เข้าตรวจสอบค่าความเร่งสูงสุดที่มีผลกระทบต่อเขื่อนแล้ว พบว่าค่าอัตราเร่งสูงสุดของพื้นดินที่เกิดขึ้นมีค่าเพียง 0.00542g หรือ เมื่อเทียบค่าให้เป็นค่า seismic coefficient (K) แล้วมีค่าประมาณครึ่งหนึ่งของค่าความเร่งสูงสุดที่ตรวจวัดได้ (K=0.00271) โดยค่า K ที่กรมชลประทานได้ออกแบบไว้ สามารถรองรับแผ่นดินไหวในพื้นที่ได้ประมาณ K=0.1 ค่าที่วัดได้ดังกล่าวจึงเป็นค่าที่ตรวจวัดได้น้อยมาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ออกแบบเขื่อนทุกแห่ง ให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวไว้ด้วยค่าที่สูงสุดของความเสี่ยงในพื้นที่ประเทศไทย จึงไม่ส่งผลกระทบต่อเขื่อนขนาดกลางและขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามข้อมูลทางสถิติของค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาประเมินเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น รวมทั้งแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเขื่อน เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อน มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในความปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อนตลอดเวลา