40 views

สธ. เตือนภัยหนาวเฝ้าระวังสุขภาพจาก 4 กลุ่มโรค


นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลง โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยและยอดภูอาจมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากภัยหนาว ซึ่งหมายถึงภัยจากสภาพอากาศที่หนาวจัด อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และลดลงอย่างต่อเนื่องจนประชาชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวาง โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังตามข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ ทุกจังหวัดของภาคเหนือ   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดประกาศเป็นเขตประสบภัยหนาว แต่ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานสาธารณสุข ในพื้นที่เฝ้าระวังติดตามผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมทั้งแจ้งเตือนและสื่อสารถึงประชาชนในการดูแลป้องกันสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะโรคและภัยสุขภาพที่เกิดจากภัยหนาว 4 กลุ่ม ดังนี้

1. โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อจากการไอจามรดกัน หรือสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อร่วมกัน จะมีอาการไข้ ไอแห้งๆ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคปอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิดที่ถุงลมปอด จากการหายใจหรือสัมผัสละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อ จะมีอาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย ซึ่งมักเป็นเฉียบพลัน พบได้ทุกกลุ่มอายุ แต่อาการจะรุนแรงในผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องและมีโรคประจำตัว

2. โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค มีอาการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน อาจมีไข้หรืออาเจียนร่วมด้วย

3. โรคติดต่อที่สำคัญในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ โรคหัด และโรคมือ เท้า ปาก โดยโรคหัดเกิดจากการหายใจเอาละอองอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากการไอ จามของผู้ป่วย หรือพูดคุยกันในระยะใกล้ หากป่วยอาการจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีไข้สูง ตาแดงและแฉะ มีผื่นนูนแดงขึ้นติดกันเป็นปื้นๆ ปัจจุบันไม่มียารักษาจำเพาะ แต่มีวัคซีนป้องกัน โดยฉีดเข็มแรก ตอนอายุ 9 – 12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง

4. ภัยสุขภาพหรือการเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากอากาศหนาวโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากไม่มีเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องห่มกันหนาวที่เพียงพอ และมีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ

ในช่วงอากาศหนาว ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้ ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด และดูแลอนามัยส่วนบุคคล หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการไอจาม มีน้ำมูก ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อและควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในสถานที่แออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งจะช่วยป้องกันได้ทั้งโรคติดต่อทางเดินหายใจและโรคโควิด 19 รวมทั้งดูแลความอบอุ่นของร่างกาย เตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอกับสภาพอากาศและงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่บัดนี้ถึง 20 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ส่งผลทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวและหนาวจัดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยอุณหภูมิจะลดลงต่ำสุดที่ 8 – 17 องศาเซลเซียสในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง

ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี พื้นที่ในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนบางกลุ่มนิยมดื่มสุราเพื่อคลายความหนาวเย็น โดยเชื่อว่าฤทธิ์ของสุราจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ดื่มเป็นอย่างมากและอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต เพราะการดื่มสุราในระยะแรกนั้นจะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัวทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ ร่างกายจะเริ่มระบายความร้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง นำไปสู่ความเสี่ยงเกิดภาวะไฮโปเทอร์เมีย หรือภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไป ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ และในรายที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จะออกฤทธิ์กดประสาททำให้เกิดอาการง่วง ซึม และอาจหลับท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ การดื่มสุราเพื่อคลายหนาวไม่เพียงจะเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ดื่มเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่ทำงานกลางแจ้งในสภาพที่อากาศหนาวเย็น นอกจากนี้การดื่มสุรายังจะส่งผลต่อสังคมในอีกหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน

นางสาวศศิกานต์  กล่าวว่า “รัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชน ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเอง โดยแนะนำวิธีคลายหนาว โดยหันมาเตรียมร่างกายและดูแลสุขภาพตัวเองให้มีความพร้อมด้วยการ สวมเสื้อผ้าหนา ๆ สวมถุงมือถุงเท้าและสวมหมวกให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบทั้ง 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้ที่จะอุดมด้วยวิตามินป้องกันโรคหวัด ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและดื่มน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นแทนการดื่มสุรา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แจ้งข้อมูลเบาะแส