นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ชี้แจงร่าง พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ปี 2561 มีข้อวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เอื้อประโยชน์ภาคเอกชน ว่า ร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. …. มุ่งเน้นเรื่องการกำกับดูแลโครงการลงทุนของภาครัฐตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ เพื่อให้ภาครัฐสามารถควบคุมการดำเนินการของภาคเอกชนในการให้บริการประชาชนได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับหลักการสากลเรื่อง Public Private Partnership โดยหากเป็นโครงการลงทุนของรัฐที่สอดคล้องกับกิจการ 11 ประเภท (หรือที่จะได้กำหนดเพิ่มเติมตามมาตรา 7(12)) ตามมาตรา 7 ของร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. …. ซึ่งรวมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการดังกล่าวด้วย ก็จะเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวทั้งหมด
สำหรับกรณีโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากรหรือไม่ปลอดอากรในท่าอากาศยานจะเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. …. หรือไม่นั้น จึงต้องพิจารณาจากรายละเอียดของโครงการที่หน่วยงานของรัฐจัดทำเป็นสำคัญ โดยจะต้องมีความชัดเจนถึงความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการท่าอากาศยาน ซึ่งจะทำให้สามารถพิจารณาได้ว่าการจัดทำร้านปลอดอากรดังกล่าวมีลักษณะเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการท่าอากาศยาน ตามมาตรา 7(3) หรือเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการท่าอากาศยาน ตามมาตรา 7 วรรคสอง ของร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. …. หรือไม่ ซึ่งหากมีลักษณะที่ต้องด้วยบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ก็จะเข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วย
อนึ่ง พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 มีขอบเขตการใช้บังคับกับกิจการของรัฐทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการให้เอกชนใช้ทรัพย์สินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินโครงการที่เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ทำให้โครงการที่เข้าข่ายการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 มีขอบเขตที่กว้างขวาง ส่งผลให้ทุกโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่เป็นหน้าที่ที่รัฐจะต้องควบคุมให้เกิดมาตรฐานและคุ้มครองประชาชนผู้ใช้บริการจะต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด ทำให้ภาครัฐอาจไม่สามารถดูแลโครงการที่จำเป็นได้อย่างทั่วถึง และเป็นผลให้โครงการร่วมลงทุนไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้