กรมธนารักษ์ ยืนยัน ต่อสัญญาเช่าศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ทำได้ตามกฎหมาย
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ชี้แจงกรณีมีการต่อสัญญาเช่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยไม่ต้องประมูล และแก้ไขสัญญาเช่าจาก 25 ปี เป็น 50 ปี ให้แก่เอกชน โดยไม่ต้องประมูล และแก้ไขสัญญาเช่าจาก 25 ปี เป็น 50 ปี ว่า ประเด็นปัญหา สัญญาระยะที่ 3 แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 (9 เม.ย.39 ถึงวันก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ) ช่วงที่ 2 ระยะเวลา 25 ปี นับตั้งแต่วันก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ แต่เนื่องจากในปี 2546 กระทรวงมหาดไทย ประกาศให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตร จึงไม่สามารถก่อสร้างตามเงื่อนไขสัญญาได้ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย ระยะของสัญญาช่วงที่ 2 จึงไม่สามารถเริ่มนับเวลาได้ สถานะของสัญญาจึงมีผลบังคับต่อคู่สัญญา ความเห็นด้านกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่า หากคู่สัญญาปฏิบัติผิดสัญญา มีเหตุผิดสัญญาทางราชการสามารถใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ แต่หากไม่มีเหตุเลิกสัญญาก็สามารถแก้ไขสัญญาได้ โดยทางราชการจะต้องได้รับประโยชน์และผลประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าหรือดีกว่าข้อกำหนดในสัญญาเดิม และจะต้องพิจารณาว่ามีกฎหมายที่รองรับให้แก้ไขได้หรือไม่ กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้วว่าคู่สัญญามิได้ปฏิบัติผิดสัญญา และไม่มีประเด็นที่เป็นเหตุให้บอกเลิกสัญญา แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านกฎหมายซึ่งเป็นเหตุพ้นวิสัยที่ทำให้คู่สัญญาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างตามเงื่อนไขสัญญาได้ และสัญญายังคงมีผลผูกพันต่อกัน อีกทั้งหากบอกเลิกสัญญาอาจเกิดการฟ้องร้องไม่สามารถนำทรัพย์สินออกประมูลหรือบริหารจัดการได้ ทางเลือกในการแก้ไขสัญญาที่ทำให้ทางราชการได้ผลประโยชน์ไม่น้อยกว่าหรือดีกว่าเดิมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้สัญญาเดินต่อไปได้ โดยใช้อำนาจในการแก้ไขสัญญาตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 มาตรา 43 คณะกรรมการกำกับดูแล ในการพิจารณาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนตามหมวด 7 โดยได้พิจารณาทั้งเรื่องรูปแบบและผลประโยชน์ตอบแทนสูงสุดที่รัฐควรจะได้รับ ที่ไม่น้อยไปกว่าผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาเดิม
ที่มา : กรมธนารักษ์