ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผย ตามที่มีการกล่าวอ้างข้อมูลเรื่องอนุมัติแล้วผู้สูงอายุรับเงินบำนาญ 3,000 บาท เริ่ม 10 พ.ค. 66 ทางศูนย์ ฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงว่า ทางกระทรวงไม่ได้มีมาตราในการเพิ่มเงินบำนาญแก่ผู้สูงอายุ จำนวน 3,000 บาท ในวันที่ 10 พ.ค. 2566 นี้แต่อย่างใด โดยปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพยังคงยึดระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุเป็นรายเดือนตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุ 60 – 69 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 600 บาท/คน/เดือน
- อายุ 70 – 79 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 700 บาท/คน/เดือน
- อายุ 80 – 89 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 800 บาท/คน/เดือน
- อายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 1,000 บาท/คน/เดือน
รวมทั้งการใช้สิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ประกอบด้วย
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคน ต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL)
- 4 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือน ต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้า เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
- มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือน ต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาทและ จะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิฯ มีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ