อาหารและขนมต่าง ๆ ทั้ง ลูกอม เยลลี่ น้ำหวาน ไอศกรีม ที่มีสีสันสดใสสวยงาม ดึงดูดใจให้ชวนรับประทานเป็นเพราะสีผสมอาหาร ซึ่งมีทั้งแบบสีจากธรรมชาติ และสีจากการสังเคราะห์ หากเป็นสีที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้ในอาหารผิดประเภท และมีการใส่สีในปริมาณมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
สีที่นำมาใช้ผสมในอาหาร มี 2 ประเภท คือ
สีธรรมชาติ เป็นสีที่สกัดได้จากพืชหรือสัตว์ที่บริโภคได้ เช่น สีแดง ได้จากดอกกระเจี๊ยบแดง
เมล็ดผักปลัง ฝาง สีเหลือง ได้จากขมิ้น ฟักทอง ลูกตาลสุก สีน้ำเงิน ได้จากดอกอัญชัน สีเขียว ได้จาก ใบเตย ใบย่านาง สีส้ม ได้จาก แครอท ฯลฯ
สีสังเคราะห์ เป็นสีที่สังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมี
ตามกฎหมายสีผสมอาหารจัดเป็นวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งต้องมีคุณภาพมาตรฐาน (Specification)
ตามประกาศ และผู้ใช้ต้องใช้ตามชนิด (หน้าที่) ของวัตถุเจือปนอาหาร ชนิดของอาหาร และต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้ได้ และห้ามใช้ในอาหารบางชนิดที่ห้ามใส่สี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย
ควรสังเกตและเลือกรับประทานอย่างปลอดภัย ด้วยการเลือกกินอาหารที่มีสีสันตามธรรมชาติ หรือสีที่ไม่ฉูดฉาดเกินไป
- ไม่กินอาหารที่เจือปนสีสังเคราะห์ปริมาณมากเป็นประจำ
- ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีฉลากแสดงข้อความเป็นภาษาไทย
- มีเลขสารบบอาหาร แสดงข้อมูลบนฉลากครบถ้วน และแสดงข้อความ “สีธรรมชาติ” หรือ
“สีสังเคราะห์”
วิธีที่ดีที่สุด ควรเลือกกินอาหารไม่ใส่สีหรือใส่สีจากธรรมชาติดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสีสดหรือฉูดฉาดเกินไปเป็นประจำ
ที่มา : อย