ผลเทียบภูมิคุ้มกันผู้ฉีดวัคซีนโควิด 3 เข็มสูตรต่างๆ ต่อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 กับ BA.5 พบทุกสูตรภูมิฯ ลดเมื่อเจอกับ BA.5 เช่นเดียวกับภูมิฯ จากติดเชื้อ แนะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มคู่กับการป้องกันตัวสูงสุดต่อเนื่อง
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงผลการติดตามภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็ม 3 ต่อไวรัสจริงสายพันธุ์ย่อย BA.5 เทียบกับสายพันธุ์ BA.2 ว่า ได้ตรวจเลือดคนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ในสูตรต่างๆ มาตรวจหาระดับภูมิคุ้มกัน พบผู้ที่ฉีด
>> สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าเซเนกา ระดับภูมิคุ้มกันสายพันธุ์ BA.2 อยู่ที่ 203.5 ขณะที่ BA.5 ภูมิฯ ลดเหลือ 89.79
>> สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ภูมิจาก BA.2 จาก 345.8 ใน BA.5 ลดเหลือ 153.8
>> สูตรแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ภูมิฯ BA.2 จาก 226.2 ใน BA.5 ลดเหลือ 86.51
>> สูตรซิโนแวค 1 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ภูมิฯ BA.2 จาก 84.6 ใน BA.5 ลดเหลือ 43.6
สรุปคือ คนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ไม่ว่าสูตรไหนเมื่อเจอกับสายพันธุ์ BA.4/ BA.5 ภูมิคุ้มกันจะลดลง แต่วัคซีนยังช่วยป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้
ส่วนภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากการติดเชื้อ ในคนที่ติดสายพันธุ์ BA.1 หรือ BA.2 เมื่อเจอกับ BA.4/ BA.5 ภูมิคุ้มกันก็ลดลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการติดซ้ำได้อีก
ดังนั้น คนที่เคยติดเชื้อหรือฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายไปแล้วระยะยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 4 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5 ลดการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค เมื่อทำควบคู่กับมาตรการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล Universal Prevention มีประโยชน์ต่อการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุด