Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

427 views

ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งดำเนินคดีเพื่อนร่วมรุ่น แอบอ้างชื่อ-เรียกรับเงิน 6 ล้านแลกประกันตัว


  • พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สอบปากคำเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 ที่แอบอ้างชื่อไปเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินจำนวน 6 ล้านบาท จากผู้ต้องกักคดีสำคัญชาวอังกฤษ โดยสั่งดำเนินคดีผู้ต้องหาทุกคน
  • พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ผู้แอบอ้างชื่อ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ โดยให้ตรวจสอบกับนายตำรวจติดตามตลอดเวลา

วันที่ 19 ก.ค.​ 65 พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยจะมีการดำเนินคดีกับ พันตำรวจเอกราเมศ แก้วสูงเนิน ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังการสอบปากคำที่สถานีตำรวจนครบาลคลองสาน ในคดีที่มีผู้เสียหาย ร้องเรียนว่า พันตำรวจเอกราเมศ และพวกที่เป็นพลเรือนอีก 4 คน แอบอ้างมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ และสามารถช่วยเหลือทางคดีในการประกันตัวเพื่อนชาวอังกฤษ ผู้ต้องหาปลอมหนังสือเดินทาง และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ควบคุมตัวรอผลักดันส่งกลับอยู่ภายในสถานกักกันคนต่างด้าวสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จนผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินกว่า 6 ล้านบาท ให้กับกลุ่มผู้ต้องหาแต่ยังไม่ใด้รับการประกันตัว หรือได้รับการปล่อยตัวแต่อย่างใด

โดย คดีนี้ ผู้เสียหาย ติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องขอประกันตัวกับนายหน้าคนหนึ่ง ที่อ้างว่า รู้จักกับ พันตำรวจเอกราเมศ ซึ่งเป็นชุดทำงาน และเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจฯ รุ่นเดียวกับ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ จนหลงเชื่อโอนเงินให้

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน คดีนี้มีหลักฐานว่า ในห้วงเวลาเกิดเหตุ มีพยานบุคคลยืนยันว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการติดต่อ และมีบัญชีเส้นทางการโอนเงินจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกผู้ต้องหา ทั้งผู้หลอกลวง และเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน รวม 5 คนประกอบด้วย พันตำรวจเอกราเมศ / นายวิทยา สมศรีษมสกุล / นายอภิรักษ์ เที่ยงธรรม / นางสาวณัฐนรี บุญมา และ นางสาวทิพย์สุดา อินสองใจ

โดยมี พันตำรวจเอกราเมศ ติดต่อขอเข้ามอบตัวเพียง 1 คน / ส่วนที่เหลืออีก 4 คนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดี เบื้องตันผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันฉัอโกง ซึ่งจะได้มีการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดเผยอีกว่า ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา สั่งให้มีการดำเนินคดี กรณีมีผู้ที่เอาชื่อตัวเองไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์แล้ว จำนวน 5 คดี โดยยืนยันว่าหากมีการนำชื่อ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ แม้ว่าผู้ที่แอบอ้างจะเป็นเพื่อน ต้องถูกดำเนินคดีทุกกรณี พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และสามารถตรวจสอบกับนายตำรวจติดตามของตัวเอง ได้ตลอดเวลา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส