Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

425 views

แก้หนี้ครูคืบหน้า ตั้งสถานีแก้หนี้ครูแล้ว 558 สถานี


วันที่ 17 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินตามมาตรการ 7 เรื่อง ได้แก่

  • 1) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สมกับเป็นสินเชื่อสวัสดิการ
  • 2) ตัดเงินเดือนของข้าราชการ การทำให้ครูมีเงินเหลือใช้หลังจากชำระหนี้ ไม่น้อยกว่า 30% หรือไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,000 บาท
  • 3) การคุมยอดหนี้ที่ครูจะสามารถกู้ได้ ไม่ให้เกินศักยภาพที่จะชำระคืนได้ด้วยเงินเดือน
  • 4) การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้เจ้าหนี้ทุกรายสามารถแบ่งเงินเดือน 70% ได้อย่างเพียงพอ
  • 5) การประกาศกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตัดเงินเดือน
  • 6) การแก้ปัญหากรณีครูผู้กู้และผู้ค้ำประกันถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 
  • 7)  การช่วยครูแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งสถานีแก้หนี้ครูทั่วประเทศแล้ว 558 สถานี คือ ระดับจังหวัด 77 แห่ง ระดับเขตพื้นที่การศึกษา 245 แห่ง และระดับส่วนกลาง เช่น สป. กศน. ก.ค.ศ. สอศ. 236 แห่ง เพื่อให้สามารถรองรับครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือแก้หนี้ 41,128 คน ได้อย่างครอบคลุม

ขณะนี้สถานีแก้หนี้ทุกแห่งกำลังวิเคราะห์ข้อมูล และติดต่อขอข้อมูลจากผู้ลงทะเบียน เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ จัดทำข้อมูลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ขอให้เชื่อมั่นแนวทางดำเนินงานแก้หนี้สินครูทั้งระบบเกิดขึ้นได้จริง เพื่อให้หนี้สินของครูทั่วประเทศที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ 4 แสนคน และที่เกษียณอายุราชการแล้วอีก 5 แสนคน รวม 9 แสนคน รวมยอดหนี้สวัสดิการหักเงินเดือนข้าราชการ 1.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 108 แห่ง ยอดหนี้ 9 แสนล้าน และสถาบัน การเงิน 3 แห่ง ธนาคารออมสินอาคารสงเคราะห์ กรุงไทย ยอดหนี้ 5 แสนล้านบาท ได้รับการแก้ไขตามแนวทางดังกล่าว โดยมีหนี้เสียหรือเป็น NPLs ไม่เกิน 1-2% เท่านั้น

“นายกรัฐมนตรี ตั้งใจขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตครูและครอบครัว ช่วยลดความกังวล ซึ่งจะส่งผลให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สร้างคุณภาพของนักเรียนและเยาวชนของประเทศให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ” นายธนกรฯ กล่าว 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส