นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 6/2565 ได้หารือถึง จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ของไทยขณะนี้คลี่คลายจนกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจว่าคุมได้ เหลือผู้ป่วยต่ำกว่า 5,000 ราย ฉีดวัคซีนแล้วราว 140 ล้านโดส และยังคงบริการฉีดเข็มกระตุ้นให้ต่อเนื่อง และเริ่มให้พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่เฝ้าระวังกลับมาให้บริการผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิงได้ตามปกติ แต่ห้ามเปิดเกิน 24.00 น. เริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดยจะติดตามผลการเปิดบริการนี้ในอีก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่อาการไม่น่ารุนแรง เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงและได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นวันแรกที่โรงพยาบาลจะกลับมาให้บริการตามระบบปกติ ปรับมาตรการดูแลรักษาผู้ป่วยทั่วไป และญาติที่มาเฝ้าไข้ ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด 19 อีกต่อไป แต่ยังคงตรวจกรณีมีอาการหวัด สงสัยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยในที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด และผู้ป่วยฉุกเฉินที่เสี่ยงแพร่เชื้อตามความเหมาะสม แต่ยังคงเตรียมระบบเครือข่าย เวชภัณฑ์และเครื่องมือต่างๆ พร้อมตอบโต้ทันทีหากพบสถานการณ์โควิด 19 ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เล็งเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ปรับระดับโรคโควิด 19 จาก โรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ก่อนเสนอให้ ศบค.พิจารณาต่อไป ส่วนการจะเป็นโรคประจำถิ่นได้นั้นยังต้องรอประกาศจากองค์การอนามัยโลก
ส่วนประเด็นหน้ากากอนามัยว่าประชาชนเลิกใส่ได้เลยหรือไม่หากลดระดับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง นายอนุทิน กล่าวว่า การใส่หน้ากากอนามัยไม่เคยเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย แต่เป็นการขอความร่วมมือประชาชนใส่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เป็นการป้องกันเชื้อเข้าสู่ตัว ซึ่งแม้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายแล้วแต่การใส่หน้ากากอนามัยต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย หรือหากจะถอดก็พิจารณาได้ตามความเสี่ยง โดยขณะนี้กระทรวงสาธาณรสุขยังคงขอความร่วมมือผู้ประกอบการกิจการที่มีความเสี่ยง ทั้งผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้ยังคงมาตรการ UP ทั้งการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ตรวจคัดกรองด้วย ATK อย่างเคร่งครัดต่อไป
