นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร บรรยายหัวข้อเป้าหมายการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ว่า ในการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 43 แห่งทั่วประเทศ กรมศิลปากร จำเป็นจะต้องมีความรู้ และเข้าใจ ที่มาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแต่ละแห่งก่อนที่จะพัฒนาในอนาคต โดยในปีนี้จะให้ความสำคัญของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยมีการพัฒนาในเชิงคุณภาพ มีการอนุรักษ์สาระสำคัญของพิพิธภัณฑ์ ด้วยการอนุรักษ์ เชิงวิทยาศาสตร์ ให้สามารถการเก็บรักษามรดกทางวัฒนธรรมอย่างมีคุณภาพ ประกอบกับการพัฒนาคลังเก็บโบราณวัตถุ ที่ คลังพิพิธภัณฑ์กลาง ซึ่งกำลังก่อสร้างขึ้นในพื้นที่ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี เพื่อนำโบราณวัตถุจากทั่วประเทศมาเก็บรักษาตามมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยต่อโบราณวัตถุที่ทันสมัย และดูแลถูกต้องตามหลักการอนุรักษ์
นายกิตติพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาการนำเสนอข้อมูลการจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ให้เข้าถึงผู้ชมได้ง่าย สามารถสืบค้นข้อมูลในเชิงลึกได้ โดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และสื่อต่างๆ เข้ามาช่วยดึงดูดให้น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสื่อวีดิทัศน์ คิวอาร์โค้ด มัลติมีเดีย แสง การจำลองโบราณวัตถุ ให้เข้าใจเนื้อหาเหมาะสมกับการรับรู้ของคนทุกช่วงวัย และ เนื่องจากสังคมไทยกำลังจะเข้าสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2568 กรมศิลปากร ได้เร่งรัดให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทุกแห่ง มีการปรับปรุง และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ทั้งถนนทางลาด ห้องน้ำ ลิฟท์ และการให้บริการในการเข้าชม ด้วย ทั้งนี้ตนขอเน้นย้ำว่าการพัฒนา เราจะต้องสร้างความเชื่อมั่นทำให้ประชาชนมั่นใจว่า เรามีการบำรุงรักษา อนุรักษ์ ทรัพย์ของแผ่นดินที่เป็นแหล่งอารยธรรมทุกแห่งเป็นอย่างดี มีหลักการอนุรักษ์ตามมาตรฐานสากล สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ โดยเฉพาะการอนุรักษ์ทางวิทยาศาสตร์ ของประเทศไทย มีศักยภาพดีเยี่ยม มีการเรียนรู้ธรรมชาติของการจัดเก็บโบราณวัตถุ อย่างดี
“ขณะนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของกรมศิลปากร เปิดให้บริการหลายด้าน ทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย จากการจัดนิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว การจัดกิจกรรมสันทนาการ และเพื่อการท่องเที่ยว อีกทั้งยังพบว่า ขณะนี้ การมีผู้สนใจขออนุญาตเข้ามาใช้บริการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งในพื้นที่พิพิธภัณฑ์ด้วย อย่างไรก็ตาม การพัฒนาพิพิธภัณสถานแห่งชาติ จะเรียงลำดับความสำคัญของแต่ละส่วน รวมถึงคำนึงถึงการดำเนินงานในพิพิธภัณฑ์เฉพะทาง โดยเริ่มจากส่วนกลาง ซึ่งมีศักยภาพก่อน และ ขยายผลไปยังส่วนภูมิภาค โดยขณะนี้ได้ ดำเนินงาน ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า จ.กาญจนบุรี อาคารเครื่องทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนคัมภีร์รู้อัลกุรอาน ” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว