Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

320 views

บทวิเคราะห์: เงินกู้ 5 หมื่นล้านเยนจากญี่ปุ่น เป็นวงเงินเดิม-เพิ่มเติมคือดอกเบี้ยต่ำลง


5 หมื่นล้านเยน จากญี่ปุ่น กู้ได้ตามกฎหมายและกรอบวงเงินเดิม เพิ่มเติมคือดอกเบี้ยต่ำลง

อันที่จริงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการหารือข้อราชการและบรรลุข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อย่างน้อย 8 ด้าน อย่าง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเสริมสร้างศักยภาพ Startup และ SMEs ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ การส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญของไทย เป็นต้น แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างมากคือข้อเสนอจากญี่ปุ่นที่ให้ไทยกู้ยืมเงิน5หมื่นล้านเยน นำมาใช้แก้ไขปัญจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่ง เมื่อมีประเด็นการกู้เงินขึ้นมาเมื่อใดก็มักถูกนำไปขยายความกันต่างๆนาๆ

*แม้กู้อีกกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ยังคงอยู่ในกรอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน*

เงินกู้จากญี่ปุ่น 5หมื่นล้านเยน หรือกว่า 1.32 หมื่นล้านบาทนี้ เป็นการกู้ภายใต้กรอบพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด เพิ่มเติม วงเงิน  5 แสนล้านบาท ที่มีผลบังคับใช้และเริ่มกู้ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ดังนั้นการกู้ตามข้อเสนอดังกล่าว จึงเป็นไปตามกฎหมายและกรอบวงเงินเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่การออกกฎหมายและกรอบวงเงินกู้ใหม่เพิ่มเติมแต่อย่างใด เรื่องนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ อธิบายไว้ว่า

“การกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นจำนวน 5 หมื่นล้านเยน ไม่ได้เป็นการกู้เงินก้อนใหม่ แต่เป็นการกู้เงินในส่วน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์ในเรื่องโควิด-19 ทั้งเรื่องสาธารณสุขและการฟื้นฟูประเทศ การกู้ยืมเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นในส่วนนี้ถือว่าได้เงื่อนไขการกู้เงินที่ดี  คือดอกเบี้ยต่ำ ประกอบกับสภาพคล่องในการกู้ยืมเงินในประเทศเริ่มลดลง การกู้ยืมเงินในส่วนนี้จึงมีความเหมาะสม” 

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่าการกู้เงิน 5หมื่นล้านเยน จากญี่ปุ่น เป็นการกู้ตามกรอบวงเงินเดิมที่มีอยู่แล้วใน พ.ร.ก.เงินกู้ 5แสนล้านบาทนั้น ถ้ายังจำกันได้ก็คือ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ถูกประกาศลงในราชกิจจานุเษกษา ตั้งแต่ 25 พฤษภาคม 2564 จากนั้นคณะรัฐมนตรีได้นำเสนอรัฐสภาเพื่อพิจารณา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ก่อนที่ที่ประชุมรัฐสภาได้ผ่านความเห็นชอบในต้นเดือนมิถุนายน 2564 ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการกู้เงินตามกรอบ 5แสนล้านบาท จากสถาบันการเงินภายในประเทศเป็นหลักเรื่อยมาตามความจำเป็นและเป็นไปตามโครงการ-แผนงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19

พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ยังเหลือช่องให้กู้ได้อีกกว่า 1 แสนล้าน

ข้อมูลจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะ พบว่า เมื่อสิ้นสุดเดือนเมษายน 2565 มียอดการเบิกจ่ายเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านบาท ไปใช้ตามโครงการและแผนงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด-19 แล้วกว่า 3.57 แสนล้านบาท จากกรอบที่ ครม.อนุมัติไปแล้วกว่า 4.25 แสนล้านบาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่ายังเหลือช่องให้เบิกจ่ายเงินกู้ หรือกู้ได้อีกตาม พ.ร.ก.นี้กว่า 1.43 แสนล้านบาท หรือถ้าเอาตามกรอบที่ครม.อนุมัติโครงการไปแล้ว จะเหลือให้กู้ได้อีกราว 7.25 หมื่นล้านบาท ดังนั้นการกู้เงินญี่ปุ่นอีก 5หมื่นล้านเยน หรือกว่า 1.32 หมื่นล้านบาท สามารถกู้ได้ภายในกรอบวงเงินที่เหลืออยู่ดังกล่าว

คลัง ลงนามกู้เงินญี่ปุ่น อัตราดอกเบี้ยเพียง 0.01%

เงินกู้ญี่ปุ่นจำนวน 5หมื่นล้านเยน ล่าสุดกระทรวงการคลัง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามร่วมกับ Mr. Morita Takahiro ผู้แทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JICA ในสัญญาเงินกู้สำหรับ COVID-19 Crisis Response Emergency Support Loan วงเงิน 50,000 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 อายุเงินกู้ 15 ปี มีระยะเวลาปลอดเงินต้น  4 ปี

เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำลักษณะดังกล่าวนี้ นอกจากไทยแล้ว ทางญี่ปุ่นยังให้เงินกู้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อใช้สำหรับแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อไทยได้เงินกู้เครั้งนี้แล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์หลากหลายมิติ ทั้งนำไปใช้สนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการป้องกันและรักษาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เป็นต้น

เมื่อพิจารณาวงเงินกู้ที่ยังเหลือช่องให้กู้ได้อีกตามพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งพิจารณาจากสัญญากู้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง0.01% ปลอดเงินต้น 4ปี และอายุเงินกู้15ปี  กอรปกับเรื่องสภาพคล่องของแหล่งเงินกู้ภายในประเทศที่ลดลงแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมและไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกับการกู้เงินจากญี่ปุ่น 5หมื่นล้านเยนในครั้งนึ้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส