Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

387 views

สธ.แจงเหตุฟาวิพิราเวียร์ขาด ไม่ได้ขาดแคลน แต่ผู้ป่วยเพิ่มสูง-บริหารจัดการไม่คล่องตัว


วันที่ 29 มีนาคม 65 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดสธ. แถลงชี้แจงถึงการบริหารจัดการยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันติดเชื้อใหม่รวมการตรวจ ATK วันละ 2 – 4 หมื่นราย ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้ยารักษาทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ และแพกซ์โลวิด อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลวันที่ 28 มี.ค. 65 มียาคงคลังฟาวิพิราเวียร์ทั่วประเทศทั้งหมด 22.8 ล้านเม็ด ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ยาสูงเฉลี่ยวันละ 2 ล้านเม็ด

ดังนั้น อัตราการใช้จึงอยู่ที่ 10 วัน แต่มียาเพิ่มเติมตลอดเวลา และได้มีการกระจายยาในระบบออนไลน์ที่เรียกว่า VMI เมื่อโรงพยาบาล (รพ.) มีการใช้ยา จะคีย์ข้อมูลลงในระบบว่า ใช้ไปเท่าไร ก็จะปรากฎข้อมูลที่ส่วนกลาง ทำให้ทราบว่าเหลือยาเท่าไร จากนั้นก็จะเติมไปให้ โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะเป็นผู้จัดหายาเติมให้ แต่ใน 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยสูงขึ้น จึงทำให้การบริหารจัดการยาไม่คล่องตัว แต่ไม่ได้ขาดยา หากโรงพยาบาลใดพบแนวโน้มว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะไม่พอใช้ สามารถแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อบริหารจัดการยาให้โรงพยาบาลมีใช้อย่างต่อเนื่องได้

ทั้งนี้ นพ.ธงชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ถึงปัจจุบันมีการกระจายยาประมาณ 72 ล้านเม็ด มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ 2 ปีมาแล้วราว 200 ล้านเม็ด อย่างไรก็ตามช่วงเดือนมี.ค.มีการกระจายยาตลอดเวลาทุกสัปดาห์ โดยในการสำรองยาทั้งหมดยังมีสต๊อกส่วนกลางอีก 2.2 ล้านเม็ด รวมแล้วมียาสต๊อกทั้งหมด 25 ล้านเม็ด โดยกระจายตามรพ.ต่างๆ ประมาณ 22 ล้านเม็ด และอยู่ส่วนกลางอีก 2.2 ล้านเม็ด

นพ.ธงชัย กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการทุกรายไม่จำเป็นต้องรับยา โดยเฉพาะไม่มีอาการ โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามแนวปฏิบัติการรักษาของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งยาที่จ่ายไปนั้น ในส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ใช้ร้อยละ 26 ส่วนฟ้าทะลายโจรร้อยละ 24 และอีกร้อยละ 52 ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ

โดยขอย้ำว่า ยาทุกตัวเป็นสารเคมี แพทย์ต้องเป็นผู้วินิจฉัยว่าใครสมควรได้รับตามอาการ เพราะยาอาจส่งผลต่อตับและไตได้ จริงๆ เมื่อได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะฉีดวัคซีน 3 เข็ม ก็จะช่วยลดอาการ ทำให้อาการไม่รุนแรงได้ การรับยาจึงต้องเหมาะสมกับอาการเป็นไปตามแพทย์วินิจฉัย ซึ่งเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว หากไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย หมายความว่าร่างกายต่อสู้กับเชื้อได้ ภายใน 5 วัน ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อ คล้ายๆ กับการรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ ดังนั้น จึงควรสำรองยาให้กับผู้ที่ควรได้รับยา เพราะบางคนภูมิคุ้มกันอาจไม่ดีพอ จึงต้องใช้ยาไปช่วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส