นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูบและบุคคลใกล้เคียง สารเสพติดที่สำคัญคือ นิโคติน มีผลต่อสมองทำให้เกิดการเสพติดที่เรียกว่า โรคสมองติดยา และสารในบุหรี่อีกหลายชนิดก่อให้เกิดโรคมากกว่า 25 โรค เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด โรคถุงลมโป่งพอง เป็นต้น
ในปี 2563 ประเทศไทยและทั่วโลกประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่จะมีอาการรุนแรงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 14 เท่าปอดอักเสบอย่างรุนแรงและเสียชีวิตได้
การสูบบุหรี่เป็นการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้กระบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่หลุดเข้ามาที่ปอดแย่ลง เซลล์ปอดเกิดการอักเสบสะสมเรื้อรัง ทำให้สิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคเข้าสู่ปอดได้ง่ายขึ้น เมื่อมีการติดเชื้อปอดของผู้สูบบุหรี่จะเกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
การเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นการช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการถูกทำลายของเซลล์ปอด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้การเลิกสูบบุหรี่ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติม สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) มีภารกิจหลักในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาและสารเสพติดทุกประเภท ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่เป็นผู้สูบบุหรี่
ซึ่งการเลิกบุหรี่มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับระดับการติดนิโคตินและความตั้งใจที่จะเลิก เช่น การหักดิบ หมากฝรั่งนิโคติน ออกกำลังกาย ใช้แผ่นแปะนิโคติน ยารับประทาน สมุนไพรและทางเลือกอื่นๆ
สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165
หรือที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmindat.go.th