นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กรมการขนส่งทางบกขอแนะนำวิธีขับขี่รถที่จะช่วยประหยัดพลังงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายและเป็นวิธีง่าย ๆ ที่เจ้าของรถสามารถทำได้ทันที เช่น ควรใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และควรใช้เกียร์ที่เหมาะสมเพื่อมิให้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไป ไม่ควรเบิ้ล กระชาก ลากเครื่องยนต์ จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น นอกจากสิ้นเปลืองแล้ว ยังทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เกิดเป็นมลพิษ หรือในกรณีเครื่องยนต์ดีเซลก็จะทำให้เกิดควันดำ เพิ่มปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศอีกด้วย และไม่ควรเร่งรถ หรือเบรกกะทันหัน หมั่นเติมลมยางตามกำหนดที่คู่มือรถแนะนำ บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น ดังนั้นหากมีสัมภาระที่ไม่จำเป็นก็ควรจะนำออกจากรถ
ทั้งนี้ เจ้าของรถควรหมั่นตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หมั่นทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา หรือเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนดสำหรับรถที่ใช้งานหนัก เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ผู้ผลิตรถกำหนด ตรวจเช็กและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นละอองและมีแรงดันตามที่ผู้ผลิตกำหนด ปรับตั้งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงและตั้งจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง เพื่อยืดเวลาการใช้งานรถยนต์ออกไปให้ยาวขึ้น ซึ่งวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าบำรุงรักษารถและลดค่าเชื้อเพลิงให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่ง ทั้งยังช่วยลดมลพิษทางอากาศอีกด้วย