วันที่ 9 มีนาคม 65 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับไปใช้ระบบ UCEP Plus ในวันที่ 16 มีนาคมนี้ โดย ระบบ UCEP แต่เดิม หากเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต จะเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลใดก็ได้ทั้งรัฐหรือเอกชน ต้องรักษาจนพ้นวิกฤต หรือครบ 72 ชม. ก่อนส่งกลับต้นสังกัด โดยโรงพยาบาลจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจาก สปสช.
ส่วนในระบบ UCEP Plus ในกรณีผู้ป่วยโควิด และมีอาการระดับสีเหลืองหรือสีแดง ก็เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลใดก็ได้ และรักษาจนหาย ข้อดีคือ เป็นการรวมผู้ป่วยสีเหลือง แม้จะไม่วิกฤตก็สามารถเข้ารับ UCEP Plus ได้ ช่วยประชาชนให้ได้รับความสะดวกและมีความมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทั้งค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล หรือส่งต่อผู้ป่วย ก็รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องจ่ายเอง โดยเป็นหน้าที่ของสถานพยาบาลเป็นผู้คัดแยกอาการผู้ป่วย แต่ถ้าผู้ป่วยหรือญาติปฏิเสธ ต้องการไปรักษาที่อื่น ก็จะไม่สามารถเข้า UCEP Plus ได้ รวมถึงการมีสิทธิประกันต่างๆ ก็จะใช้สิทธิตามประกันนั้นก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระของทางรัฐบาล
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยสีเขียวก็ยังมีระบบปกติรักษาอยู่ ตามระบบปกติ ไม่มีการยกเลิกใดๆ ซึ่ง สพฉ.จะเป็นออกกเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยว่าแบบใดจึงจะเข้าเกณฑ์
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตในระบบ UCEP Plus สำหรับผู้ป่วยโควิดนั้น หลักๆ คือ มีการพบเชื้อไม่ว่าจะ ATK หรือ RT-PCR ร่วมกับอาการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ เช่น หัวใจหยุดเต้น มีสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจ มีภาวะช็อก หายใจลำบากเฉียบพลัน ภาวะโคม่า มีอาการซึม ชัก หรือ ไข้สูงเกิน 39 องศา นานกว่า 24 ชั่วโมง หรือหายใจเร็วกว่า 25 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่ หรือออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% หรือมีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องติดตามอาการใกล้ชิดตามดุลยพินิจของแพทย์
นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หอบเหนื่อย หายใจเร็ว มีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรง อายุมากกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ หญิงตั้งครรภ์ หรืออื่นๆ ตามที่แพทย์ผู้คัดแยกเห็นว่าเข้าเงื่อนไขการรักษา
ในด้านขั้นตอนการใช้บริการจะเหมือนโควิดปกติ ทางโรงพยาบาลจะประเมินอาการ และแจ้งไปยัง สพฉ. หากเข้าเกณฑ์ก็จะเข้าระบบ หากไม่เข้าเกณฑ์ เช่น มีอาการสีเขียว ก็จะใช้ไม่ได้ ให้ใช้สิทธิที่ตัวเองมี นอกจากอาการแย่ลงจนเข้าเงื่อนไข UCEP Plus พร้อมตั้งศูนย์ประสานงานเอาไว้ หากมีข้อติดขัด ข้อสงสัย หรือไม่ได้รับสิทธิ ให้โทร 02-872-1669