นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ติดเชื้อโควิดมีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่หลังเทศกาลปีใหม่ ส่วนใหญ่อาการน้อยหรือไม่แสดงอาการ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีการวางระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation : HI) แต่มีกลุ่มเปราะบางที่ควรดูแลเป็นพิเศษ อย่างผู้สูงอายุที่แม้ติดเชื้อสัดส่วนไม่สูงมาก ประมาณร้อยละ 6-11 แต่การเสียชีวิตจากโควิด 19 ช่วงปีใหม่ พบส่วนใหญ่ร้อยละ 75 เป็นผู้สูงอายุ และร้อยละ 60 มีประวัติเสี่ยงติดจากผู้สัมผัสใกล้ชิด ส่วนกลุ่มหญิงตั้งครรภ์การติดเชื้อหลังปีใหม่ทรงตัว
ดังนั้น ยังต้องเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบางอย่างสูง เพราะมีโอกาสติดเชื้อจากคนใกล้ชิด ติดเชื้อแล้วมีอาการรรุนแรงกว่าคนทั่วไปได้ โดยกลุ่มเปราะบางที่ต้องเฝ้าระวัง คือ หญิงตั้งครรภ์ภาวะอ้วน อายุมาก มีโรคประจำตัว , กลุ่มเด็กเล็กยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และผู้สูงอายุ เฝ้าระวังการติดเชื้อจากคนใกล้ชิด คนรู้จัก ครอบครัว โดยเฉพาะที่มีโรคประจำตัว เช่น หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน
กลุ่มเสี่ยงควรตรวจคัดกรองหาเชื้อ ATK เมื่อประเมินตนเองว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ เช่น สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ติดเชื้อโควิด ทั้งในบ้าน หรือที่ทำงาน โรงเรียน สถานประกอบการ หรือมีอาการสงสัยติดเชื้อ ไข้ ไอ ลิ้นไม่รับรส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ หายใจหอบ หายใจลำบาก หรือมีประวัติไปสถานที่เสี่ยงหรือในไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อยืนยัน โดยเฉพาะเป็นสถานที่แออัด พื้นที่ปิด ระบายอากาศไม่ดี ขอให้ตรวจ AK ทันที หากผลเป็นลบให้ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลาต่อเนื่อง หากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงให้กักตัวและตรวจ ATK ตามระยะ
กรณีผลบวกอย่าตกใจ ให้ตั้งสติแล้วติดต่อสายด่วน สปสช. โทร 1330 กด 14 เพื่อรับการประเมินอาการ หากอาการน้อย จะได้รับการดูแลรักษาที่บ้าน (HI) หากบ้านไม่สะดวก จะได้เข้าระบบดูแลในชุมชน (CI) แต่หากมีไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียสนานกว่า 24 ชั่วโมง หายใจเร็วติดขัด ระดับออกซิจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94% จะเข้าเกณฑ์รักษาใน รพ. โดย รพ.ที่ดูแลระบบ HI CI จะทำหน้าที่ส่งต่อ
