วันที่ 15 พ.ย. 64 นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีการสั่งคดีของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมกับพวกรวม 7 คน ที่ก่อเหตุร่วมกันซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ในระหว่างควบคุมตัวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์หลังจากที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด พิจารณาสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ขณะนี้ อัยการได้พิจารณาทั้งหมดแล้ว และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 7 คน คือ
- พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล
- พันตำรวจตรีวีโรจน์ ดิษทอง
- ร้อยตำรวจเอกทรงยศ คล้ายนาค
- ร้อยตำรวจโทธรณินทร์ มาศวรรณา
- ดาบตำรวจวิสุทธิ์ บุญเขียว
- ดาบตำรวจศุภากร นิ่มชื่น
- สิบตำรวจตรี ปวีณ์กร คำมาเร็ว
ใน 4 ข้อหา คือ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด / ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด / ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น โดยได้นำสำนวนไปส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้ เป็นคดีที่ต้องสั่งคดีโดยอัยการสูงสุด เนื่องจาก มีผู้เสียชีวิตในระหว่างการควบคุมตัว และมีข้อหาที่มีอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต ซึ่งได้ผ่านคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบคดีนี้โดยเฉพาะ
สำหรับคดีนี้ ฝ่ายผู้ต้องหายังไม่มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ มีเพียงอัยการขอให้พนักงานสอบสวนไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา ซึ่งได้รายงานกลับมาครบเรียบร้อยในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ทำสำนวน พร้อมพยานหลักฐานมาอย่างละเอียดและมั่นใจได้ว่า จะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนคดีในชั้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นศาลระบบไต่สวนที่ต่างจากศาลอาญาขั้นตอนต่อไปจะนัดผู้ต้องหามาตรวจพยานหลักฐานในคดี และสอบถามผู้ต้องหาจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ และอัยการจะมีแนบพยานหลักฐานชี้ช่องให้ศาลประกอบการไต่สวน รวมทั้งประเด็นที่ต้องสืบพยานเพิ่ม