- คลังฯ ยืนยัน ปมผู้ถูกเรียกคืนเงินกรณีทำผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะ
- ให้เวลาชี้แจงตั้งแต่ถูกระงับสิทธิ 14 วัน และ อุทธรณ์หลังมีหนังสือเรียกคืนเงินอีก 15 วัน
- ยืนยันคณะทำงานฯที่ตรวจสอบมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วมด้วยเพื่อความรอบคอบ
- ขอให้ผู้ประกอบการที่ถูกเรียกคืนเงิน เร่งส่งหนังสืออุทธรณ์เข้ามาเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจง หลังนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลัง ประกาศระงับสิทธิ์ และเรียกเงินคืนจากผู้ประกอบการ 2,099 ราย เพราะผิดเงื่อนไขในการร่วมโครงการ ‘เราชนะ’ ว่าขอให้ชะลอการเรียกเงินคืนจากกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว เพราะรายละเอียดในข้อกล่าวหายังไม่ชัดเจนเพียงพอ
นอกจากนี้ ในการเปิดโอกาสให้ร้านค้าแสดงหลักฐานชี้แจง กรรมการผู้ตรวจก็เป็นคนของ สศค. อีกทั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนเข้าร่วมโครงการก็ไม่ได้ชี้นำให้รับรู้หลักเกณฑ์ได้อย่างชัดเจนนั้น
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังขอชี้แจง ดังนี้
โครงการเราชนะ มีการเผยแพร่หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้รับทราบและเข้าใจก่อนเข้าร่วมโครงการฯ และจะต้องให้ความยินยอม ที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวก่อนเข้าร่วมโครงการฯ
ซึ่งทางกระทรวงการคลังขอความร่วมมือให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ มาโดยตลอด เพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปแจ้งเบาะแสการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ โดยมีประชาชนแจ้งเบาะแสให้ทราบมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้รับการแจ้งเบาะแสหรือตรวจพบความผิดปกติของธุรกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ จะดำเนินการระงับสิทธิชั่วคราวการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับภาครัฐ และแจ้งให้ผู้ประกอบการติดต่อกลับเพื่อชี้แจงโต้แจ้ง ภายใน 14 วัน
ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว จะได้นำเอกสารชี้แจงโต้แย้งของผู้ประกอบการเข้าสู่การพิจารณาตามกระบวนการในการตรวจสอบการดำเนินการที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ
โดยคณะทำงานมีองค์ประกอบคณะทำงานฯ จากหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกรมบัญชีกลาง เพื่อตรวจสอบ พิจารณา และวินิจฉัยข้อมูลของผู้เข้าร่วมโครงการฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการฯ ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย
เมื่อคณะทำงานฯ ได้ติดตามตรวจสอบและพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการกระทำการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวจริง หรือกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ชี้แจงโต้แย้งพร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีหนังสือประทับตราแจ้งผลวินิจฉัยและขอให้ชำระเงินคืนให้แก่โครงการฯ และผู้ประกอบการสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือประทับตรา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนดังกล่าวนี้ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ออกหนังสือประทับตราแจ้งผู้ประกอบการ จำนวน 2,099 ราย เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์แล้ว กรณีไม่มีการชี้แจงหรือไม่ส่งข้อมูลหลักฐานประกอบการอุทธรณ์ หรือไม่มีการชำระเงินคืนให้แก่โครงการฯ รวมถึงกรณีอุทธรณ์มาแต่คณะทำงานฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ ก็จะมีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการอีกครั้ง ดังนั้น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ส่งหนังสืออุทธรณ์ ขอให้เร่งดำเนินการส่งคำอุทธรณ์หรือข้อมูลหลักฐานชี้แจงให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อนำสู่กระบวนการพิจารณาของคณะทำงานฯ และกระบวนการเรียกร้องตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป