พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ซึ่งมีการบัญญัติให้ยกเลิกความในบางมาตราและบัญญัติใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย.62 ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีหนังสือสั่งการไปถึงทุกกองบัญชาการ กำชับตำรวจจราจรในสังกัด ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่เกิดความสับสน จนเกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้รถใช้ถนน
ประเด็นที่สำคัญ คือ การออกใบสั่งของเจ้าพนักงาน จะไม่เรียกเก็บใบขับขี่ของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร อีกทั้ง หากไม่พบตัวผู้ขับขี่ และไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ให้ส่งใบสั่ง พร้อมด้วยพยานหลักฐานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถ เพื่อให้ชำระค่าปรับ ภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่ง
ผู้ขับขี่ ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว ไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิมรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า ใบขับขี่ดิจิทัล ต้องนำแสดงต่อตำรวจจราจรเมื่อถูกเรียกตรวจ โดยใบขับขี่ที่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องเปิดจากแอปพลิเคชันของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่สามารถก็อปปี้หน้าจอ หรือใช้ภาพถ่ายแทนได้
สตช. ได้ประสานงานและวางมาตรการ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับใหม่ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลการออกใบสั่งของตำรวจในแต่ละพื้นที่ กับฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เมื่อผู้ขับขี่ไม่ยอมชำระค่าปรับ เมื่อไปเสียภาษีรถยนต์ประจำปี กรมการขนส่งทางบก จะตรวจสอบจากระบบ หากพบว่า มีค่าปรับที่ค้างชำระ นายทะเบียนจะรับชำระภาษี และออกหลักฐานการชำระภาษีชั่วคราวให้เท่านั้น และใช้ได้เพียง 30 วัน จนกว่าจะชำระค่าปรับเสร็จสิ้น จึงจะได้ใบแสดงการเสียภาษีฉบับจริง เมื่อใบแทนแสดงการเสียภาษีชั่วคราวหมดอายุ ผู้ขับขี่จะมีความผิด คือ ไม่แสดงเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท