นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ พบปะนักศึกษาและผู้ปกครองที่เข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้” ณ หอประชุมลานพิกุล มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส จัดโดยกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดในพื้นที่ร่วมบูรณาการกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ กยศ. ที่มีปัญหาหนี้สินได้เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้และได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม โดยมุ่งสร้างความเป็นธรรม ช่วยลดภาระของลูกหนี้ พร้อมส่งเสริมการคืนหนี้เข้าสู่ระบบในรูปแบบที่ยั่งยืน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยนายกรัฐมนตรีได้ทักทายพูดคุยและถ่ายภาพเซลฟี่กับประชาชนอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง ขณะที่ประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสหลายพันคนที่มารอต้อนรับได้ตะโกนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีสู้ ๆ พร้อมทั้งขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเยี่ยมเยือนถึงบ้านที่จังหวัดนราธิวาส สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สวมเสื้อสูท “ลายนรารวมใจ” สีชมพูบานเย็น หวานฉ่ำ เป็นผ้าลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถ่ายทอดความเป็นหนึ่งเดียวของผู้คนชาวนราธิวาสที่มีความรักความสามัคคี ประสานความสัมพันธ์บนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันงดงามของจังหวัดนราธิวาส
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในพื้นที่ เช่น ผลิตภัณฑ์จากเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งติดตามเยี่ยมชมบูธกิจกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติด ติดตามนโยบายรัฐบาลและรับฟังสรุปรายงานผลการดำเนินงานของ ศอ.บต. พร้อมรับชมการแสดงจากเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ชุดระบำลีลาชาชัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวและทำพิธีเปิดโครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้” ตามนโยบายรัฐบาล ระบุว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบกับประชาชนชาวนราธิวาสและขอบคุณที่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ เพราะเรื่องหนี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานของประเทศไทย ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้และช่วยเหลือประชาชน
ในครั้งนี้ทำให้ต้นทุนของประชาชนลดลง ทำให้มีแรงและกำลังในการจ่ายค่าครองชีพที่ถูกลง เพิ่มศักยภาพในการทำรายได้เพิ่มให้กับครอบครัวและตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งการผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่าศักยภาพที่มีอยู่จริง เนื่องจากไทยเพิ่งจะเริ่มมีการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตไม่นานเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมแห่งอนาคตมามากกว่า ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป
โครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้” สำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ไม่เฉพาะในส่วนของหนี้ กยศ. เท่านั้น ยังรวมไปถึงหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมสถาบันการเงินด้วย โดยลักษณะลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ต้องปรับโครงสร้างหนี้ ใน 3 จังหวัด (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) มีจำนวนทั้งสิ้น 16,000 ราย
สำหรับผู้กู้ยืมที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วในปี 2567 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มก่อนฟ้องและหลังฟ้อง โดยลูกหนี้ใน 3 จังหวัดทั้ง 2 กลุ่มได้เข้าร่วมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 33,123 ราย แบ่งเป็น จ.ยะลา 12,311 ราย ปัตตานี 7,865 ราย และนราธิวาส 12,947 ราย