นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวในการลงพื้นที่จับกุมขยะอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบัง ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ว่า กรมศุลกากรได้ติดตามและเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มาโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 3 และ 6 มกราคมที่ผ่านมา พบว่าอาจมีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พร้อมกันนี้ กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จึงทำการตรวจสอบตู้สินค้าต้องสงสัย จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ พบว่า มีการแสดงข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น “เศษโลหะและโลหะเก่าใช้แล้ว”เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการอายัดตู้สินค้าดังกล่าวเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด
ผลการตรวจสอบพบว่า สินค้ามีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 ตู้ และฮ่องกง จำนวน 1 ตู้ ภายในพบเป็นเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ น้ำหนักกว่า 256 ตัน ซึ่งถือเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรและถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้ทำการติดต่อไปยังบริษัทเทรดดิ้งให้ทำการมาชี้แจงสินค้าที่ได้จับกุมมาโดยด่วนที่สุด ซึ่งหากไม่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัทนำเข้า กรมศุลกากรจึงจะนำสินค้าส่งไปยังประเทศต้นทางทั้งสิ้นและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า กรมศุลกากร จะดำเนินการร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการตรวจสอบไปยังโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศ ที่อาจมีการลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปรีไซเคิล หรือขนย้ายเพื่อหลบหนีความผิดต่อไป