นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และนราธิวาสนายกรัฐมนตรีสั่งการให้เน้นย้ำการดูแลชีวิตของพี่น้องประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งอาหาร สถานที่พักพิง สถานที่อพยพ การแจ้งเตือนประชาชน ขอให้มีความชัดเจนและทั่วถึง โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เร่งรัดการดูแลประปา ไฟฟ้า ให้กลับมาใช้ได้เร็วที่สุด และการดูแลเส้นทางสัญจรและถนนที่ชำรุด เสียหาย ให้รีบปรับปรุงและกลับมาใช้สัญจรได้เร็วที่สุด ด้าน ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่องถึงวันที่ 18 ธ.ค. 67 โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับทางจังหวัด และ ศปช.ภาคใต้ได้ทันที
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
(18 ธ.ค. 67) เวลา 06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และ พัทลุง จำนวน 56 อำเภอ 346 ตำบล 2,743 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 182,203 ครัวเรือน
นายกฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
(17 ธ.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และนราธิวาส โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ดำเนินงาน ดังนี้
1. เน้นย้ำการดูแลชีวิตของพี่น้องประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งอาหาร สถานที่พักพิง สถานที่อพยพ ให้มีการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่
2. การแจ้งเตือนประชาชน ขอให้มีความชัดเจนและทั่วถึง โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
3. เร่งรัดการดูแลประปา ไฟฟ้า ให้กลับมาใช้ได้เร็วที่สุด
4. การดูแลเส้นทางสัญจรและถนนที่ชำรุด เสียหาย ให้รีบปรับปรุงและกลับมาใช้สัญจรได้เร็วที่สุด
“เฉลิมชัย” ติดตามการให้ความช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ ระดมทุกหน่วย ก.ทรัพยากรฯ เฝ้าระวังในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันทีที่ประสบอุทกภัย
(17 ธ.ค. 67) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ยังคงมีจังหวัดประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง และยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่องถึงวันที่ 18 ธ.ค. 67 โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับทางจังหวัด และ ศปช.ภาคใต้ ได้ทันที โดยได้มอบหมายให้
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการประสานงานความช่วยเหลือระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ กับทางจังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำรถโรงครัวไปประจำอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
2 คัน และจังหวัดสงขลา 1 คัน ซึ่งแต่ละคันสามารถผลิตข้าวกล่องแจกจ่ายประชาชนได้วันละ 500 – 700 กล่อง
กรมทรัพยากรธรณี เฝ้าติดตามสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลเพื่อแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง (17 ธ.ค. 67) ได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังในพื้นที่ 10 จังหวัดที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
กรมทรัพยากรน้ำ เฝ้าระวังระดับน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนป้องกันและรับมือกับสถานการณ์
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดเตรียมน้ำดื่มสะอาดไว้สำหรับแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้เพียงพอ
อากาศยานประจำการ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ประจำในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือภารกิจการสำรวจพื้นที่น้ำท่วมร่วมกับจังหวัด และลำเลียงสิ่งของช่วยผู้ประสบภัย โดยจอดเตรียมพร้อมรองรับภารกิจอยู่ ณ กองทัพภาคที่ 4
กรมควบคุมมลพิษ เตรียมพร้อมการเข้าติดตามพื้นที่หลังน้ำลดเพื่อสนับสนุนการกำจัดขยะหลังน้ำท่วม และแหล่งน้ำขังเพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย
ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวในสังกัดกระทรวงฯ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่านันทนาการ รวมถึงสวนป่าต่าง ๆ ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพื่อแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างทันท่วงที
“ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามการแจ้งเตือนภัย คำสั่งอพยพ และปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนทุกคน”
