28 views

นายกฯ เยือนมาเลเซีย กระชับความสัมพันธ์ร่วมมือทุกมิติ “การค้า-การลงทุน-การท่องเที่ยว-วัฒนธรรม”


(16 ธ.ค. 67) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น โดยเวลาที่กรุงเทพฯ ช้ากว่ามาเลเซีย 1 ชั่วโมง) ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ในการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ (official visit) 

นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะฝ่ายไทย ประกอบด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมคณะได้เข้าร่วมประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation: AC) ครั้งที่ 7

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือและมุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกันเพื่อ “สันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common peace and prosperity) เพื่อความก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวถึงการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 ว่ามาเลเซียยืนยันในความสำคัญของความสัมพันธ์และความร่วมมือของทั้งสองประเทศที่ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว และด้านอาหารฮาลาล รวมทั้งความเชื่อมโยงด้านคมนาคม พลังงาน และความมั่นคงในภูมิภาคโดยความร่วมมือ ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ถือเป็นโมเดลของความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ เห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างกันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนและนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย อาทิ ภูเก็ต และพร้อมสนับสนุนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว “6 Countries, 1 Destination” (บรูไนฯ, กัมพูชา, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, มาเลเซีย, เวียดนาม และไทย) ซึ่งจะส่งเสริมทั้งการท่องเที่ยวระหว่างไทย-มาเลเซีย และการท่องเที่ยวในภูมิภาค ที่ยังเป็นการสนับสนุนความสัมพันธ์ของประชาชนด้วย ทั้งนี้ เพียง 11 เดือนในปีนี้พบว่านักท่องเที่ยวมาเลเซีย เดินทางมาเที่ยวไทยเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้าน soft power ของทั้งสองประเทศด้วย และความร่วมมือด้านพลังงานในระดับภูมิภาค รวมทั้งความร่วมมือด้านยางพารา ซึ่งปัจจุบันมาเลเซียได้นำเข้ายางพาราจากไทย  

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นประเด็นภายในของประเทศไทย มั่นใจว่าไทยจะสามารถบรรลุความสำเร็จในการส่งเสริมสันติภาพและความรุ่งเรืองในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้ เพื่อการขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านต่างๆ จะมอบหมายให้มีการกำหนดกรอบการดำเนินงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม

การประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation: AC) ครั้งที่ 7 ทั้งสองประเทศได้ติดตามและผลักดันการดำเนินการตามที่ประเทศไทยและมาเลเซียได้เห็นพ้องร่วมกันเมื่อปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวว่าเห็นควรจัดการประชุมคณะทำงาน (Task force) ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร, การค้าและการลงทุนรวมถึงการค้าชายแดน,การท่องเที่ยวและความมั่นคง เพื่อให้บรรลุผลที่เป็นรูปธรรม โดยมอบหมายเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันทีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือและเสนอมาตรการป้องกันอุทกภัยในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ของประเทศไทยพร้อมทำงานร่วมกับฝ่ายมาเลเซีย

ส่วนสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงบทบาทของมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุย โดยประเทศไทยให้ความสำคัญของการฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง
ต้องผ่านกระบวนการพูดคุยและการพัฒนา โดยหวังว่ากระบวนการพูดคุยจะเริ่มต้นใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ ภายหลังการตั้งหัวหน้าคณะฝ่ายไทย และเชื่อมั่นว่ามาเลเซียจะให้การสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การความร่วมมืออิสลาม (The Organization of Islamic Cooperation) หรือ OIC ด้วย

ทั้งสองประเทศยินดีที่หน่วยงานมั่นคงจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติที่เร่งด่วน เช่น การค้ามนุษย์และยาเสพติด การเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยปีหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ครั้งที่ 56 (56th General Border Committee (GBC) และคณะกรรมการ ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคง ครั้งที่ 2 (2nd meeting of the joint working committee on security cooperation (JWC-SC))

สองประเทศยังเห็นพ้องร่วมกันในการบรรลุเป้าหมายการค้าที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2570 ซึ่งการค้าชายแดน มีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ของการค้าทวิภาคี โดยเชื่อว่าการอำนวยความสะดวกและการเชื่อมโยงข้ามพรมแดนจะเป็นปัจจัยสำคัญ จึงเห็นควรเดินหน้าผลักดันหาข้อสรุปต่อบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดนโดยเร็ว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แจ้งข้อมูลเบาะแส