โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีที่สาวชาวไต้หวันโพสต์ ระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเรียกเก็บเงิน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ระหว่างเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องดังกล่าวพบว่า ผู้ที่กล่าวอ้างเป็นหญิงสาวชาวไต้หวัน อายุ 33 ปี ได้ให้ข่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 เวลาประมาณ01.00 น. โดยได้เช็คอิน Facebook ที่แอสคอท (Ascott) ทองหล่อ ระหว่างที่พักในไทย และเมื่อวันที่ 7-8 มกราคม2566 มีการนำเสนอข่าวที่ประเทศไต้หวัน หลังจากที่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้โพสในสตอรี่ Instagram และสำนักข่าวทุกสำนัก ได้มีการนำเสนอข่าวเพียงวันเดียว โดยไม่ได้มีการขยายความคืบหน้าต่อ เนื่องจากไม่มีหลักฐานความคืบหน้า ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดเผยอีกว่า ได้สอบถามไปยังสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนไต้หวันในประเทศไทย พบว่าหลังเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ไม่พบข้อมูลขอความช่วยเหลือ หรือร้องเรียน รับแจ้ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ได้ทำการตรวจสอบไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ วีซ่า VISA ON ARRIVAL เพื่อการท่องเที่ยว และเดินทางออกเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ
พร้อมระบุอีกว่า ได้ทำการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง เพิ่มเติม ดังนี้
1. ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อด้วยภาษาจีนเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมไปยังนักแสดงชาวไต้หวันคนดังกล่าวในทุกช่องทาง อาทิ Facebook , IG , Line
2. ได้มีการประสานตำรวจไต้หวันฯ ขอให้ช่วยติดต่อนักแสดงสาวเพื่อขอข้อมูลรายละเอียดที่เกิดขึ้น
3. ได้มีการประสานไปยังแอสคอท Ascott ซึ่งมีข้อมูลเป็นสถานที่พักอาศัย เพื่อขอพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
4. ให้ บช.น. โดย บก.จร และ สน.ที่มีนักท่องเที่ยวจีนพักอาศัยอยู่มาก แหล่งสถานบันเทิง เช่น สน.ห้วยขวาง, สุทธิสาร, ทองหล่อ, ลุมพินี, มักกะสันฯ ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งด่านในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2566 (ช่วงที่อาศัยอยู่ในไทย)
5. ตรวจสอบติดตามคนขับรถรับจ้าง Grab ของสาวชาวไต้หวันในวันเกิดเหตุ เพื่อสอบปากคำเป็นพยาน
6. ตรวจสอบกล้องจรปิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามจุดที่เชื่อว่ารถได้ขับผ่าน และจุดเกิดเหตุเพื่อเป็นพยานหลักฐาน
7. หากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือพยานหลักฐานอื่น ทางตำรวจจะรีบดำเนินการตรวจสอบขยายผล หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการตามที่เป็นข่าวจริง จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป