Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

581 views

ขยายวงเงินค้ำประกันอีก 50,000 ล้านบาท หนุนสภาพคล่อง SME


  • รัฐบาลขยายวงเงินค้ำประกันเพิ่ม 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนประกอบธุรกิจ โดยให้ บสย.ค้ำประกันเต็มวงเงิน ได้ตั้งแต่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
  • ช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์เพิ่มเป็น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ 2% ใน 2 ปีแรก ค่าธรรมเนียม 1% ใน 2 ปีแรก
  • โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสนับสนุนคือกลุ่ม BCG Model กลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยี กลุ่มที่กำลังปรับไปสู่กระบวนการผลิต และบริการแบบออโตเมชั่น กลุ่มธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ระบบประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด กลุ่มธุรกิจที่พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Zero waste และกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมที่เสริมความสามารถในการแข่งขัน

วันที่ 9 กันยายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เริ่มบรรเทาลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจบางสาขาเริ่มส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัว แต่ยังมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ

นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบการขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.ฟื้นฟู ระยะที่ 2 อีกจำนวน 50,000 ล้านบาท ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันเต็มวงเงินสินเชื่อ โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.65 เป็นต้นมา ผ่านมาตรการ “บสย.พร้อมช่วย” ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนผ่าน และการเปิดประเทศ สู่ BCG Model ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ค่าธรรมเนียมค้ำประกันถูก เพียง 3% ใน 2 ปีแรก และยังค้ำประกันเต็มวงเงิน ซึ่งช่วยผู้ประกอบการได้รับประโยชน์มากถึง 3 ต่อ ดังนี้

  • 1. อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ 2% ใน 2 ปีแรก (รัฐชดเชยดอกเบี้ย 6 เดือนแรก)
  • 2. ค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 1% ใน 2 ปีแรก
  • 3. บสย. พร้อมค้ำประกันสินเชื่อแบบเต็มวงเงิน ส่วนระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 – วันที่ 9 เมษายน 2566 (ตามกรอบระยะเวลาของธนาคารแห่งประเทศไทย)

นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจเป้าหมายภายใต้ BCG Model ที่ได้รับการสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ กลุ่มที่กำลังปรับไปสู่กระบวนการผลิต และบริการแบบออโตเมชั่น กลุ่มธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ระบบประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด กลุ่มธุรกิจที่พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Zero waste และกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมที่เสริมความสามารถในการแข่งขัน

“รัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น มีสภาพคล่องที่เพียงพอและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป” นางสาวรัชดาฯ กล่าว 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส