รพ.ราชวิถี สนับสนุน “ยาฟาวิพิราเวียร์ 1 แสนเม็ด” มอบ สปสช.ร่วมบริการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ผ่านระบบสายด่วน สปสช. 1330 เผย ช่วง 2 วันแรก จัดส่งยาให้ผู้ป่วยกลุ่ม 608 แล้ว 760 ราย เป็นจำนวนยาเกือบ 4 หมื่นเม็ด แนะประชาชนรับบริการ 2 ช่องทางหลักก่อน เจอแจกจบ ที่ รพ. /คลินิก และบริการ Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน
สำนักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่ สปสช.ได้รับมอบนโยบายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในการจัดระบบสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเป็นระบบเสริมในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ภายหลังจากตรวจ ATK แล้วมีผลขึ้น 2 ขีด แต่ยังไม่ได้รับบริการ ทั้งในกลุ่ม 608 และที่ไม่ใช่ 608 นั้น โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
จากข้อมูล การดำเนินการปรากฏว่า ในช่วง 2 วันแรกของการเปิดระบบ คือในวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2565 มีประชาชนที่ผลตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด โทรเข้ามายังสายด่วน สปสช.1330 เพื่อขอรับการบริการจำนวนมาก ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยโควิดที่อยู่ในกลุ่ม 608 และได้รับการประเมินตามหลักเกณฑ์แล้วว่าจำเป็นต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดย
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม สปสช. ได้จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วย จำนวน 542 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 ราย รวมเป็นยาจำนวน 27,217 เม็ด และวันที่ 24 กรกฎาคม ได้จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยอีกจำนวน 218 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 13 ราย รวมเป็นยาจำนวน 11,103 เม็ด โดยรวม 2 วัน สปสช. ได้ส่งยาให้กับผู้ป่วยแล้วทั้งหมด 760 ราย เป็นยาจำนวน 38,320 เม็ด
รพ.ราชวิถี ร่วมสนับสนุนยา 1 แสนเม็ด เพื่อร่วมดูแลผู้ป่วยกลุ่ม 608 ใน กทม.และปริมณฑลที่ยังเข้าไม่ถึงบริการนี้ ซึ่งการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโควิดที่ สปสช.ดำเนินการอยู่นี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจ่ายยาในการดูแลผู้ป่วยโควิดของกรมการแพทย์ ภายใต้การประสานความร่วมมือกับ รพ.นพรัตน์ และ รพ.เลิศสิน
นอกจากนี้ สปสช.ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณการจัดส่งยากจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ดำเนินการจัดส่งภายใน 24 ชั่วโมง โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด อีกด้วย