นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เผยว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 ไว้ในระหว่างพิจารณาคดีใหม่
โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับคำขอให้รับพิจารณาคดีใหม่ และได้มีการรับพิจารณาคดีใหม่แล้วจึงเข้าเงื่อนไขการงดบังคับคดี ตามข้อ 131 วรรคหนึ่ง (1) แห่งระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยการพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543
สำหรับคำสั่ง “งดบังคับคดี” โฮปเวลล์นั้น สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาใหม่ในคดีโฮปเวลล์ จากนั้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำหนังสือถึงศาลปกครองกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว ขอให้งดการบังคับคดี พร้อมทั้งแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้สำนักงานบังคับคดีปกครองทราบด้วย
และนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของความพยายามในการต่อสู้เรื่องนี้อย่างไม่ลดละของรัฐบาลไทย ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดิน โดยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตั้งแต่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และทีมกฎหมายที่มีนายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ ที่สามารถหาช่องทางในการต่อสู้คดี จากแง่มุมกฎหมาย ทั้งประเด็นเรื่องการจดทะเบียนบริษัท และเรื่องของการขาดอายุความของคดี และใช้ช่องทางการยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปสู่ศาลรัฐธรรมนูซึ่งได้วินิจฉัยว่าคดีที่โฮปเวลล์ฟ้องนั้น ขาดอายุความไปแล้ว จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันธ์ทุกองค์กร
จนในที่สุดทำให้คดีที่ดูเหมือนจะสิ้นหวังต้องจ่ายเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท พลิกกลับมาสู่ความหวัง
อีกครั้ง เมื่อศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้มีการนำคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ และทำให้รัฐบาลยังไม่ต้องจ่ายเงินภาษีเกือบ 3 หมื่นล้านให้กับเอกชนคู่กรณีตามคำสั่งของศาลปกครองล่าสุดนั่นเอง