Font Resizer

A Decrease font size. A Reset font size. A Increase font size.

422 views

โฆษกรัฐบาลโต้เดือด เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นแนวปฏิบัติสากล-นำรายได้พัฒนาประเทศ


  • การเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันเป็นรายได้ 40% ของประเทศ นำมาพัฒนาประเทศ
  • การเก็บภาษีสรรพสามิตในน้ำมันเป็นหลักปฏิบัติสากล
  • นายกฯสั่งการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันแล้ว โดยใช้กองทุนน้ำมันและเงินกู้ในการตรึงราคา โดยจะพอใช้ถึงไตรมาส 1 ปี 2565

วันที่ 21 พ.ย. 2564 นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน พร้อมทั้งระบุว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสูงถึงลิตรละเกือบ 6 บาท เสมือนรีดเลือดกับปู ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้คนไทยต้องใช้น้ำมันในราคาแพงกว่าประเทศคู่แข่งว่า

ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทุกรัฐบาลต้องจัดเก็บเพื่อนำภาษีไปใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และเป็น 40% ของรายได้ประเทศ ซึ่งรัฐบาลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร เพราะเป็นต้นทุนหลักในค่าขนส่ง

นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าพลังงานยังเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นสากล เนื่องจากสินค้าพลังงานสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างมลภาวะทางอากาศ ส่งผลต่อสุขภาวะของประชาชน รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำแค่ชั่วคราวหรือเฉพาะหน้าได้

อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ สั่งการให้กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งน้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ไฟฟ้า ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ให้สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนตามศักยภาพของแหล่งเชื้อเพลิงในพื้นที่ เปิดโอกาสให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตและบริหารจัดการพลังงาน พร้อมทั้งสนับสนุนแนวทางปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุน

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9,207 ล้านบาท (ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564) รวมทั้งเงินกู้ยืมที่รัฐบาลได้ขยายกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพยุงราคาด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจถึงความเดือดร้อนประชาชน จึงใช้นโยบายในการประคับประคองราคาน้ำมัน และตรึงราคาก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งให้เตรียมรับมือในอนาคต โดยให้เป็นไปตามมติ กบง. ซึ่งกระทรวงพลังงานประเมินแล้วว่า เงินกองทุน ณ วันนี้ น่าจะเพียงพอใช้ได้ถึงประมาณไตรมาสหนึ่งปี 2565 หากราคาน้ำมันดิบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะเริ่มอ่อนตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป 

“การลดภาษีสรรพสามิตนั้นจะต้องมีการออกกฎหมายหรือกฎกระทรวง ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหายิ่งล่าช้า ทำให้ประชาชนต้องอยู่ในความเดือดร้อนนานออกไปอีก ดังนั้น สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูด ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการเสนอเพราะไม่รู้ หรือรู้อยู่เต็มอกดีอยู่แล้ว แต่พูดเพราะต้องการสร้างคะแนนนิยมเท่านั้น โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงใดๆ เลย  ซึ่งถ้าหวังแค่จะสร้างคะแนนนิยม นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด แต่ทำได้หรือเปล่าไม่รู้เพราะยังไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงนั้น ก็อยากจะขอร้องว่า อย่าเสนออะไรที่จะยิ่งทำให้ประชาชนสับสนมากไปกว่านี้อีกเลย อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณหญิงสุดารัตน์สบายใจได้ว่า นโยบายพลังงานของท่านนายกฯ นั้น จะเป็นการพลิกโฉมประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน” นายธนกร กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข้อมูลเบาะแส